เป็นการประกาศศักดาความเลื่องลือที่จับต้องได้ของแม่ทีมเบอร์ 1 เมืองไทยอีกครั้ง สำหรับ “ธเนตร วงษา” ที่ไม่ว่าเขาคนนี้จะผันตัวไปทำธุรกิจขายตรงกับบริษัทไหน ก็จะะกอบโกยรายได้มากมายหลักพันล้านมาโดยตลอด ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เก๋าเกมขายตรง บวกกับการมีพรสวรรค์ในการโน้มน้าวคนให้ร่วมธุรกิจด้วย (หรือเปล่า) ที่ทำให้คนที่ชื่อ “ธเนตร วงษา” ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Number 1 แม่ทีมขายตรงเมืองไทย ประสบความสำเร็จกับอาชีพนี้
หลายบริษัทที่ ธเนตร นำทัพเข้าไปทำธุรกิจด้วย แน่นอนว่า นอกจากการยึดเป็นอาชีพหลักแล้ว การนำมาซึ่งรายได้ที่มากมาย ชนิดที่เรียกว่า ไม่ต้องขยับตัว รายได้ก็บังเกิดตลอดเวลา แต่ธเนตร ก็ไม่คิดหยุดนิ่งกับการหารายได้ไปบนถนนขายตรงอย่างไม่หยุดนิ่ง จนมาหยุดที่ขายตรงบริษัทหนึ่งที่อยู่กันมาถึง 11 ปี มีรายได้เหยียบพันล้าน แต่ต้องถึงวันสิ้นสุดเมื่อปลายปี 2565 ที่ต่างฝ่ายต่างต้องจากกันไป แต่การไปต่อสำหรับธเนตร ยังไม่สิ้นสุด การเดินทางทำธุรกิจขายตรงก็เริ่มขึ้นกับอีกบริษัทหนึ่ง แต่นั่นเป็นการทำเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และธุรกิจหรืออะไรก็แล้วแต่อาจไม่ตอบโจทย์การทำงาน จึงจากลากันไปเช่นเดิม และนั่นเป็นบริษัทสุดท้ายที่จากมา
ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสกว่าที่เคย ส่วนคนในยุคโควิด ก็ต้องดิ้นกันต่อไป ครั้งนี้ ธเนตร จับมือกับหุ้นส่วนอีก 2 คน คือ จิรัฎฐ์ กุลทรัพย์มงคล และอนุสรา จันทรังษี ก่อตั้งบริษัทขายตรงเป็นของตนเอง ภายใต้ชื่อ “บริษัท เมเร่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ซึ่งได้ทำพิธีทำบุญบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เปิดบริษัทอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา พร้อมประกาศจะผลักดันธุรกิจให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายใน 4 ปี
แต่แล้ว เหตุการณ์ที่อาจไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อบริษัทที่เปิดได้เพียงแค่ 2 เดือน อยู่ๆ หุ้นส่วนสำคัญที่ถือเป็นมือบริหารอย่าง “จิรัฎฐ์” ได้แยกทางถอยออกมาจากเมเร่แล้วอย่างเป็นทางการ
ในขณะที่ความช่ำชองและพรสวรรค์ของธเนตรนั้น เขายอมรับกับ The Master อย่างเต็มปากว่า “ไม่ถนัดเรื่องการบริหาร แต่ด้วยเหตุการณ์มันบังคับ และด้วยตนเองเป็นเบอร์ 1 จึงไม่รู้จะไปไหน แต่ก็ไม่ได้มืดมน จึงตัดสินใจมาเปิดบริษัทเอง ซึ่งได้คุณจิรัฎฐ์ อดีตแม่ทีม มาเป็นหุ้นส่วนด้วยกัน แต่ตอนนี้ถึงคุณจิรัฎฐ์จะถอยออกไป แต่ก็ยังสามารถหาคนเก่งมาบริหารงานได้เช่นเดียวกัน”
ธเนตร เน้นย้ำถึงการลาจากของจิรัฎฐ์ว่า “การแยกทางของคุณจิรัฎฐ์นั้น ไม่ได้เกิดปัญหาอะไรระหว่างกัน เพียงแต่คุณจิรัฎฐ์เขาไม่มีทีมงานในเมืองไทย และถนัดด้านบริษัทอินเตอร์มากกว่า ขณะเดียวกันก็มีบริษัทอินเตอร์มาทาบทามให้ไปทำงานด้วย จึงถอนหุ้นออกไปก็เท่านี้เอง”
แม้ว่าก่อนหน้านี้ธเนตร จะเคยเปิดบริษัทขายตรงของตนเองมาแล้ว แต่ด้วยเพราะความไม่ถนัดด้านการบริหารอย่างที่เขาบอก ทำให้บริษัทต้องปิดตัวลง แต่ในครั้งนี้ ตนจะนำพาให้เมเร่ขึ้นแท่น ToP 5 ขายตรงไทยให้ได้ โดยภายในปี 2567 จะสร้างยอดขายให้ถึง 1,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ จะสร้างมนุษย์เงินแสนให้ได้ 500 คน และมนุษย์เงินล้าน 500 คน
ปัจจุบัน เมเร่ ได้วางระบบการทำงานด้านซอฟแวร์ต่างๆ พร้อมทั้งจ้างบุคลากรทีมงานที่มีมากประสบการณ์ด้าน operate สูงถึง 3 ล้านบาท เพราะเขามองในเชิงบวกว่า “ถึงผมไม่เก่ง แต่ผมหาคนเก่งมาบริหารแต่ละด้านได้เช่นเดียวกัน อย่างที่หลายคนห่วงว่า ถ้าคุณจิรัฎฐ์ออกไปแล้วเมเร่จะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกันคือ ผมก็มีคนเก่งที่พร้อมจะเข้ามาบริหารตรงนี้” ว้าวววว!! เป็นคำตอบที่น้อยใจหรือไม่ ไม่มีใครรู้ นอกจากตัวธเนตรเอง แต่หากมองด้านวัฏจักรการทำงานนี่คือสัจธรรมคนทำงานที่ คนเก่าออกก็แค่หาคนใหม่มาแทน ตรรกะง่ายๆ ที่ใช้ได้จริงเสมอ จากนี้ต่อไป “เมเร่ อินเตอร์เนชั่นแนล” กับหนทางอีกยาวไกล ในวันที่ “ธเนตร” ไม่มี “จิรัฎฐ์” จะเป็นตามหวังไว้หรือไม่ รอชม!!
More Stories
“กิฟฟารีน” เปิดกระหึ่ม “Giffarine Flagship Store” ภูเก็ต เจาะใจกลางเมือง รับทัพลูกค้าไทย-นักท่องเที่ยวต่างชาติ
แอมเวย์ สร้างความสุข ส่งเสริมให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดี ส่งท้ายปี
“กิฟฟารีน” ยืนหนึ่งแบรนด์สุขภาพและความงามสัญชาติไทย