นารีฟาร์มากรุ๊ป เปิดแผนปี 2567 บุกขยายตลาด “เคลียร์-บีลอง” ทุกช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ พร้อมเตรียมปูพรมขยายตลาดต่างประเทศ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเยอรมัน หลังขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตเพียบ รองรับความต้องการตลาดไทย-เทศ ตั้งเป้าปี 2567 ยอดขายเคลียร์-บีลอง จะมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นางสาวพิมส์นารี นรรพสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารีฟาร์มากรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรไทย ภายใต้ชื่อ “เคลียร์-บีลอง” เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทฯ จะรุกขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรไทย ภายใต้ชื่อ “เคลียร์-บีลอง” เต็มกำลัง ทั้งเคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา และเคลียร์-บีลอง แม็คซ์ ที่เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น หลังขยายโรงงานผลิตเพิ่มอีกแห่ง จากเดิมที่ใช้การผลิตจากโรงงานในมหาวิทยาลัยรังสิตเพียงอย่างเดียว โดยขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 500,000-1,000,000 ขวดต่อเดือน จากเดิมที่ผลิตได้เฉลี่ย 50,000 ขวดต่อเดือน พร้อมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นด้วย โดยจะเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เช่น www.nareepharma.com ,เพจเฟสบุ๊ค Clears Belong และ Line @nareepharma ควบคู่กับการขยายตลาดในช่องทางขายออฟไลน์เพิ่มมากขึ้นด้วย อาทิ ร้านขายยาชั้นนำที่มีเภสัชกรทั่วประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่เป็นร้านขายยา โรงพยาบาล คลินิกรักษาโรคด้วย เพื่อขยายตลาดให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด จากเดิมที่ขายผ่านช่องทางวิทยาลัยเภสัชศาสตร์, Facebook : วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ Sun Herb Thai Chinese Manufacturing โดยผู้สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายติดต่อได้ที่ Line @nareepharma การงบุกขยายตลาดต่างประเทศครั้งนี้ ปี 2567 จะปูพรมไปที่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเยอรมันก่อน ซึ่งเยอรมัน สหรัฐอเมริกา และแคนาดา เป็นตลาดที่น่าลงทุนมาก เพราะเปิดเสรีกัญชา ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ “เคลียร์-บีลอง” จะประสบความสำเร็จในการทำตลาดต่างประเทศแน่นอน
“การบุกขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรไทย ภายใต้แบรนด์เคลียร์-บีลอง ในทุกช่องทางขาย เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงกลุ่มคนที่เป็นภาวะลองโควิด ปัจจุบันคนไทยรวมถึงชาวต่างชาติ ให้ความสนใจสมุนไพรไทยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกัญชา ดังนั้นการบุกขยายตลาดไปต่างประเทศในปีหน้า จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนควบคู่กับการบุกขยายตลาดในประเทศไทย เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านสมุนไพร เพื่อเข้าโครงการเมดิคัลฮับ (Medical Hub) ดันความมั่นคงด้านสุขภาพของไทยติดอันดับโลกในเร็วๆนี้ โดยสิ้นปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์เคลียร์-บีลอง ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท”
นางสาวพิมส์นารี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เล็งเห็นถึงปัญหาสุขภาพของคนในปัจจุบัน สิ่งแวดล้อม การบริโภค สารปนเปื้อน สารเคมีที่เริ่มมีผลต่อร่างกายมนุษย์ ทำให้มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต จึงคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์เคลียร์-บีลองขึ้นมา และร่วมมือพัฒนา วิจัยกับมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น โดยชูสมุนไพรไทยจุดเด่นต่างๆ ที่มีคุณประโยชน์ เช่น มะนาว ใบย่านาง พริกไทย และใบกัญชา มาผสมผสานกับสารสกัดจากต่างประเทศ เป็นนวัตกรรมใหม่ เรียกว่า “สมุนไพรสูตรผสม” เพื่อให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ทั้งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ถึง 4 ชนิด ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบในหลอดทดลอง และล่าสุดผลการวิจัยในมนุษย์ได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย สามารถต้านการอักเสบในผู้ป่วยลองโควิดได้จริง จนผลิตภัณฑ์เคลียร์-บีลอง ของบริษัทฯ กลายเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ผลงานวิจัยยังได้รับการยอมรับจากนานาชาติด้วย โดยได้รับการการันตีผลการวิจัยเผยแพร่ลงวารสารวิชาการ ระดับนานาชาติ (Quartile Score, Q1) ซึ่งเป็นวารสารวิชาการ ติดอันดับ top 10 ในสาขา Complementary and Alternative Medicine ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ตีพิมพ์ชื่อ BMC Complementary Medicine and Therapies ในวารสารประจำปี 2023 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และปลอดภัย ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับโลก
“ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยมีมูลค่ารวมเกือบ 80,000 ล้านบาท เป็นสมุนไพรกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หลังพบว่าคนไทยยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเดือนละมากกว่า 1,000 บาทต่อคน” นางสาวพิมส์นารี กล่าวทิ้งท้าย
More Stories
วีเอชดี ส่ง เมอริช คอฟฟี่ ชิงตลาดกาแฟสุขภาพ 3.4 หมื่นลบ.
BDMS Wellness Clinic คว้ารางวัล CEO of the Year 2024 จาก Bangkok Post
SOLUX Clinic เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสวยที่มีระดับ (พรีเมียม)