25 พฤศจิกายน 2024

THE MASTER

ย่อโลกข่าวไว้ในมือคุณ

DTCENT ทรงดี! กำไร 6 เดือนแรกปี 67 พุ่ง 62.65%

งานบริการ GPS Tracking-โครงการภาครัฐ-เอกชน หนุน เร่งเปิด DTC SHOP ครบ 20 แห่ง ลุยขยายอบรมความปลอดภัย ดันผลงานปีนี้โตเข้าเป้า

บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 64.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.65% จากงวดเดียวกันปีก่อน ผลจากการรับรู้รายได้งานโครงการภาครัฐ-เอกชน และการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) โตแรง ฟากบิ๊กบอส “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” ระบุ แผนครึ่งปีหลังเร่งเปิดศูนย์บริการ DTC SHOP ให้ครบ 20 แห่ง ภายในปีนี้ จากเดิมเปิดให้บริการแล้ว 13 สาขา รวมทั้ง มีแผนเข้าลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก คาดชัดเจน 1-2 ราย ในปีนี้ พร้อมลุยขยายงานด้านอบรมความปลอดภัยอย่างครบวงจร ผลักดันผลงานปี 67 เติบโตเข้าเป้า

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2567) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 64.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.65% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 39.73 ล้านบาท และมีรายได้รวม 366.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.44% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 338.33 ล้านบาท ขณะที่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 36.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.86% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 23.07 ล้านบาท และมีรายได้รวม 182.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.60% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 172.71 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) รวมทั้ง รายได้จากงานโครงการของภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังของปี 2567 บริษัทฯ เร่งเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบจำนวน 20 แห่งภายในปีนี้ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 13 แห่ง ประกอบด้วย สาขาถนนบางนา-ตราด กม.6, สาขาเชียงใหม่, สาขาอุดรธานี, สาขาขอนแก่น, สาขาอยุธยา, สาขานครสวรรค์, สาขาพระราม 2, สาขาแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี, สาขามาบข่า จังหวัดระยอง, สาขาท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี, สาขานครราชสีมา, สาขาภูเก็ต และสาขาอุบลราชธานี ขณะเดียวกัน ได้พัฒนางานด้านการอบรมความปลอดภัยอย่างครบวงจร เช่น การใช้รถใช้ถนน การขับขี่อย่างปลอดภัย และ Simulator เพื่อให้บริการกับกลุ่มลูกค้าเดิม ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการวางระบบ คาดว่า จะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ และสามารถรับรู้รายได้ทันที เป็นการต่อยอดจากธุรกิจ GPS Tracking-IoT Solutions

สำหรับศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ได้เปิดให้บริการ โดยเริ่มงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว

ในส่วนของงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI บริษัทฯ วางแผนทำโครงการ Smart City Solution, Smart AI Solution ให้กับลูกค้าภาครัฐและเอกชนที่มีความสนใจ ปัจจุบันได้รับงานพัฒนาโครงการเทศบาลนครรังสิตสู่เมืองอัจฉริยะ โดยใช้แอปพลิเคชันสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Rangsit City App) รวมถึง ยังให้บริการกับโครงการหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกหลายโครงการ

ด้านระบบ BAMS (Business Activity Management System) ได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 39 บริษัท พร้อมกันนี้ DTCENT มีแผนจะเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการเจรจาทางธุรกิจหลายราย คาดว่า จะเห็นความชัดเจน 1-2 ราย ภายในปีนี้ ส่วนความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ได้รับงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐร่วมกัน สามารถทยอยรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ ในส่วนของ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) จะสามารถเริ่มงานในปี 2568 ทั้ง OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics และบริษัทฯ ได้รับใบ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์เรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย

“ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/2567 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำผลงานออกมาได้ดีมาก จากงานโครงการของทางภาครัฐและเอกชน เป็นการให้บริการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ควบคุมและติดตามการขนส่งสินค้า (IoT Solutions และระบบ AI) และระบบโปรแกรมประยุกต์เมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับองค์กรของลูกค้า รวมทั้ง การเช่าอุปกรณ์สำหรับติดตามยานพาหนะ GPS Tracking ได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์กับความต้องการ และให้เข้าถึงผู้ใช้รถทุกประเภท พร้อมทั้ง สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เรามีการปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อสถานการณ์ต่างๆ โดยนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในด้าน GPS, IoT Solutions มาวิจัยและพัฒนาอยู่เสมอ มั่นใจว่า ในปีนี้ผลงานทั้งในส่วนรายได้และกำไร จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย” นายทศพล กล่าวในที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

You may have missed

Skip to content